การเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี
การเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3 กิจกรรม คือ ได้แก่(1) กิจกรรมแนะแนว (2) กิจกรรมนักเรียน (3) กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี (รวมถึงกิจกรรมยุวกาชาด) เป็นกิจกรรมหนึ่งในกลุ่มกิจกรรมนักเรียน (กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี และกิจกรรมชุมนุม) ที่นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรม 40 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา (ระดับประถมศึกษา) และ 40 ชั่วโมงต่อภาคเรียน (ระดับมัธยมศึกษา) โดยสำหรับการจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดจิกกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method ) ซึ่งมีองค์ประกอบ 7 ประการ คือ
1. คำปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ลูกเสือทุกคนให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไม่ได้ ห้าม “ทำ” หรือบังคับให้ “ทำ” แต่ถ้า “ทำ” ก็จะทำให้เกิดผลดีแก่ตัวเอง เป็นคนดี เช่น ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติเชื่อถือได้ ฯลฯ
2. เรียนรู้จากการกระทำ เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสำเร็จหรือไม่สำเร็จของผลงานอยู่ที่การกระทำของตนเอง ทำให้มีความรู้ที่ชัดเจนและสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเองและท้าทายความสามารถของตนเอง
3. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือและเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นการเรียนรู้การใช้ประชาธิปไตยเบื้องต้น
4. การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือเนตรนารีด้วยการใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เครื่องแบบ เครื่องหมาย การทำความเคารพ รหัส คำปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คำขวัญ ธง เป็นต้น วิธีการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือแห่งโลก ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลก และเป็นองค์กรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในโลก
5. การศึกษาธรรมชาติ เป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 ในกิจกรรมของลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตามชนบทป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งมีการในการไปทำกิจกรรมกับธรรมชาติ การปืนเขา ตั้งค่ายพักแรกในสุดสัปดาห์ หรือ ตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรม ตามกฎระเบียบเป็นที่เสน่หาแก่เด็กทุกคน ถ้าขาดการศึกษาธรรมชาติก็ไม่ถือว่าใช้ชีวิตแบบลูกเสือ
6. ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้เด็กทำ ต้องให้มีความก้าวหน้าและดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้น อยากที่จะทำ และวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละอย่างให้สัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเล่นที่สนุกสนาน การแข่งขันกันก็เป็นสิ่งดึงดูดใจและเป็นการจูงใจที่ดี
7. การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ชี้แนะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็กเพื่อให้เขาเกิดความมั่นใจในการที่จะตัดสินใจกระทำสิ่งใดลงไปทั้งคู่มีความต้องการการซึ่งกันและกัน เด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่เองก็ต้องการนำพาให้ไปสู่หนทางที่ดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีที่สุด จึงเป็นการร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย
2. เรียนรู้จากการกระทำ เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสำเร็จหรือไม่สำเร็จของผลงานอยู่ที่การกระทำของตนเอง ทำให้มีความรู้ที่ชัดเจนและสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเองและท้าทายความสามารถของตนเอง
3. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือและเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นการเรียนรู้การใช้ประชาธิปไตยเบื้องต้น
4. การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือเนตรนารีด้วยการใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เครื่องแบบ เครื่องหมาย การทำความเคารพ รหัส คำปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คำขวัญ ธง เป็นต้น วิธีการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือแห่งโลก ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลก และเป็นองค์กรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในโลก
5. การศึกษาธรรมชาติ เป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 ในกิจกรรมของลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตามชนบทป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งมีการในการไปทำกิจกรรมกับธรรมชาติ การปืนเขา ตั้งค่ายพักแรกในสุดสัปดาห์ หรือ ตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรม ตามกฎระเบียบเป็นที่เสน่หาแก่เด็กทุกคน ถ้าขาดการศึกษาธรรมชาติก็ไม่ถือว่าใช้ชีวิตแบบลูกเสือ
6. ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้เด็กทำ ต้องให้มีความก้าวหน้าและดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้น อยากที่จะทำ และวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละอย่างให้สัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเล่นที่สนุกสนาน การแข่งขันกันก็เป็นสิ่งดึงดูดใจและเป็นการจูงใจที่ดี
7. การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ชี้แนะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็กเพื่อให้เขาเกิดความมั่นใจในการที่จะตัดสินใจกระทำสิ่งใดลงไปทั้งคู่มีความต้องการการซึ่งกันและกัน เด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่เองก็ต้องการนำพาให้ไปสู่หนทางที่ดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีที่สุด จึงเป็นการร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย
สำหรับกิจกรรมเข้าค่ายพักแรมและเดินทางไกลของลูกเสือ-เนตรนารี ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมภาคบังคับหนึ่งที่สำคัญ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และทุกโรงเรียนจะต้องจัดให้กับผู้เรียน โดยจะจัดในช่วงภาคเรียนที่ 2 ทั้งนี้ ตามข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ ว่าด้วยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ. 2509 ได้เขียนไว้ ใน ข้อ 273 ว่า การเดินทางไกลและแรมคืน ให้ผู้กำกับกลุ่มหรือผู้กำกับลูกเสือ นำลูกเสือไปฝึกเดินทางไกลและแรมคืนในปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ครั้งหนึ่งให้พักแรมอย่างน้อยหนึ่งคืน การเดินทางไกลและแรมคืน มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อให้ลูกเสือ-เนตรนารีได้ฝึกความอดทน ความมีระเบียบวินัย รู้จักช่วยตัวเอง รู้จักอยู่และทำงานร่วมกับผู้อื่น
2. เพื่อให้ลูกเสือ-เนตรนารีเป็นพลเมืองดี รู้จักช่วยเหลือสังคมด้วยความเต็มใจ
3. เพื่อให้ลูกเสือเนตรนารีได้พัฒนาตนเองเต็มศักยภาพจากประสบการณ์ตรงและเรียนรู้เพิ่มเติม
2. เพื่อให้ลูกเสือ-เนตรนารีเป็นพลเมืองดี รู้จักช่วยเหลือสังคมด้วยความเต็มใจ
3. เพื่อให้ลูกเสือเนตรนารีได้พัฒนาตนเองเต็มศักยภาพจากประสบการณ์ตรงและเรียนรู้เพิ่มเติม
สำหรับการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ-เนตรนารี นั้น ปัจจุบันมีทั้งแบบที่โรงเรียนดำเนินการจัดค่ายเอง และแบบนำนักเรียนไปเข้าค่ายลูกเสือเอกชน ซึ่งก็มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของผู้บริหารโรงเรียนแต่ละแห่ง แต่ไม่ว่าแบบใดก็ตาม คุณครูที่เป็นผู้กำกับลูกเสือ-เนตรนารี ก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อควบคุมและดูแลนักเรียนให้ได้รับความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรมและเกิดการเรียนรู้อย่างเต็มที่ และทางโรงเรียนจะต้องวางแผนการจัดการอย่างเป็นระบบและรัดกุมมากที่สุด ทั้งในด้านการคัดเลือกสถานที่จัดกิจกรรมที่จะต้องมีความปลอดภัยสูง มีฐานกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของนักเรียนและสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร รวมถึงการมีวิทยากรผู้กำกับลูกเสือ-เนตรนารี ที่มีประสบการณ์เข้ามาเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรม เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ใหม่ๆ และกรณีที่ต้องนำนักเรียนไปเข้าค่ายพักแรมนอกสถานที่ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากคือ การเดินทางไป-กลับระหว่างโรงเรียนกับค่ายพักแรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการเดินทางไปพักแรมหรือทัศนศึกษาต่างจังหวัด จะต้องคัดเลือกรถที่จะใช้ในการเดินทางที่มีความปลอดภัยสูงสุด และจัดงบประมาณเป็นค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่น ให้กับตำรวจทางหลวง นำขบวนนักเรียนทั้งไปและกลับตลอดเส้นทาง เพื่อให้การเดินทางของนักเรียนเป็นไปโดยสวัสดิภาพ

ข้อปฏิบัติในการอยู่ค่ายพักแรม 1. เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด
2. เชื่อฟังคำสั่งของนายหมู่ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาโดยชอบธรรม
3. คอยฟังสัญญาณหรือคำสั่งจากผู้กำกับโดยพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งโดยฉับพลันและปฏิบัติหน้าที่ที่ได้มอบหมายให้ดีที่สุด
4. รักษาความสามัคคีในหมู่คณะ
5. จัดเวรยามดูแลความปลอดภัยของค่ายพักแรม
6. รักษาความสะอาดในบริเวณที่พัก/ในห้องพักให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ
7. ไม่นอนในที่พักของผู้อื่น
8. ไม่ออกนอกบริเวณที่พัก / ค่ายพักโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้กำกับเป็นลายลักษณ์อักษร
9. ไม่ครอบครองหรือนำยาเสพติด ของมืนเมา และสิ่งอบายมุขต่าง ๆ เข้าไปในค่ายพักแรม
10.ไม่หยิบฉวยของผู้อื่นด้วยความมักง่าย
11.ไม่ทำลายสิ่งของต่าง ๆ ของค่ายพักแรมให้เกิดความเสียหาย
12.หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องรายงานผู้บังคับบัญชาทันที
ทั้งนี้หากพบว่าลูกเสือไม่ทำตามข้อปฏิบัติในข้อ 7,8,9,10,11 จะดำเนินการส่งตัวกลับบ้านทันทีและไม่ให้ผ่านกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี
คำปฏิญาณของลูกเสือ ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า
ข้อ 1. ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข้อ 2. ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ 3. ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ
ข้อ 1. ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข้อ 2. ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ 3. ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ
กฎของลูกเสือ มี 10 ข้อ ข้อ 1. ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้
ข้อ 2. ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ
ข้อ 3. ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น
ข้อ 4. ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก
ข้อ 5. ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
ข้อ 6. ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์
ข้อ 7. ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดา และผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
ข้อ 8. ลูกเสือมีใจร่าเริง และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
ข้อ 9. ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์
ข้อ 10. ลูกเสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
ข้อ 2. ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ
ข้อ 3. ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น
ข้อ 4. ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก
ข้อ 5. ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
ข้อ 6. ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์
ข้อ 7. ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดา และผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
ข้อ 8. ลูกเสือมีใจร่าเริง และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
ข้อ 9. ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์
ข้อ 10. ลูกเสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
การเตรียมตัวในการอยู่ค่ายพักแรมลูกเสือ-เนตรนารี
อุปกรณ์อยู่ค่ายพักแรมที่ลูกเสือ-เนตรนารี จะต้องเตรียมพร้อม แบ่งออกได้ดังนี้
- อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว
- อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับหมู่และกอง
- อาหารและยา
- อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ
1. อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว
- เครื่องแบบลูกเสือ-เนตรนารี
- ชุดลำลอง
- ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัว, ผ้าห่มกันหนาว
- เครื่องสำอาง (สบู่,หวี,กระจก,แปรงและยาสีฟัน)
- ไฟฉายเดินทาง
- เชือกประจำตัว
- กระติกน้ำประจำตัว
- มีดประจำตัว
- อุปกรณ์การบริโภค (จาน, ช้อน, กระบอกน้ำ)
- สมุดบันทึก,ปากกา,ดินสอ
- รองเท้าแตะ
- ยากันยุงควรเป็นชนิดทา
- ยาประจำตัว
- เสื้อกันฝนกรณีหน้าฝน
2. อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับหมู่และกอง ได้แก่
1. ธงประจำหมู่
2. เต็นท์บุคคล และเต็นท์ประกอบงาน
3. ภาชนะประกอบอาหารเท่าที่จำเป็น
4. พลั่วสนาม หรือจอบ
5. มีดถางหญ้า หรือขวาน
6. เชือกขนาดต่าง ๆ
7. เครื่องดนตรี
8. ผ้าใบหรือผ้าพลาสติกกันแดดและรองนั่ง
9. ไม้ขีด, เทียนและเชื้อเพลิง
3. อาหารและยาต่าง ๆ ได้แก่
- ข้าวสาร
- อาหารกระป๋อง
- เนื้อสัตว์ที่รวน หรือ ย่างไว้แล้ว
- น้ำพริกที่ปรุงแล้ว
- น้ำปลาหรือเกลือ
- หัวหอม หัวกระเทียม พริก
- น้ำมันพืช น้ำตาล น้ำส้ม
- ผัก ผลไม้
4. อุปกรณ์ที่ใช้ทำกิจกรรม อื่นๆ การแสดง
1….
2….
สัญญาณนกหวีด
ในการฝึกประจำวัน หรือในโอกาสที่อยู่ห่างไกลจากลูกเสือ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ควรใช้สัญญาณนกหวีดสั่งลูกเสือ ดังนี้
- หวีดยาว 1 ครั้ง ---------------------- หมายความว่า “หยุด” คอยฟังคำสั่ง
- หวีดสั้น 3 ครั้ง หวีดยาว 1 ครั้ง ----- ----- ------ --------------- สลับกัน ความหมายว่า “เรียกนายหมู่ไปประชุม”
- หวีดสั้น ๆ ติดกันหลายครั้ง ---- ---- ----- ----- ---- หมายความว่า “รวมกอง”
- หวีดสั้น 1 ครั้ง หวีดยาว 1 ครั้ง ----- ------------- สลับกันไป หมายความว่า “เกิดเหตุ”
หมายเหตุ อื่นๆ
- เพลงประจำหมู่ที่ใช้ร้อง ให้มีเนื้อร้องระบุชื่อหมู่/กลุ่ม มีสาระ ปลุกใจ เป็นคติ
- เรื่องที่แสดง ควรเป็นเรื่อง เป็นคติเตือนใจ ประวัติศาสตร์ปลุกใจให้รักชาติ ให้ส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณี สนุกสนาน
- ไม่ควรแสดงเรื่องไร้สาระ เสียดสีบุคคล เรื่องการเมือง ผีสาง ลามก อนาจาร ล้อเลียนศาสนา
- ห้ามใช้อาวุธจริงหรือของมีคมมาประกอบการแสดง ห้ามสูบบหรี่ในขณะนั่งอยู่ในบริเวณชุมนุม
การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบภายในหมู่ในการอยู่ค่ายพักแรม
ตามที่การจัดลูกเสืออยู่ค่ายพักแรมเป็นหมู่ ๆ ให้มีการกินอยู่หลับนอน ทำกิจกรรม
เรียน เล่นกีฬาร่วมกันภายในหมู่ เพื่อให้งานของหมู่ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทันตามกำหนดเวลา ผู้กำกับจะจัดแบ่งหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคนออกไป ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนมีงานทำไม่มีผู้ใดว่างงาน โดยปกติแล้วจะจัดแบ่งดังนี้
คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นนายหมู่ รับผิดชอบดูแลทั่วไปแทนผู้กำกับ คอยติดต่อประสานงานกับ
หมู่อื่น กับผู้กำกับและกับบุคคลภายนอกซึ่งอาจมาเยี่ยมสมาชิกภายในกลุ่ม
คนที่ 2 ทำหน้าที่รองนายหมู่ คอยช่วยเหลือนายหมู่ทุกกรณีไป อาจทำหน้าที่แทนนายหมู่ขณะ
นายหมู่ไม่อยู่หรืออยู่แต่นายหมู่มีภารกิจต้องทำหน้าที่บางอย่างแทน จึงให้รองนายหมู่ไป
ประชุมแทน
คนที่ 3 ทำหน้าที่พลาธิการ คอยดูแลพัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะเบิกมาจากผู้กำกับหรือกองอำนวย-
การเป็นเจ้าหน้าที่บัญชี ไม่ว่าบัญชีการเงิน บัญชีวัสดุอุปกรณ์ ดูแลภายในที่พัก จัดความ
เป็นระเบียบเรียบร้อยภายในที่พัก เก็บรักษา มีด ขวาน ไม้กวาด กระป๋องน้ำ เชือก
และอื่น ๆ
คนที่ 4 ทำหน้าที่เป็นแม่ครัว คอยหุงข้าว ปรุงอาหาร จัดการเกี่ยวกับการประกอบอาหาร เตาไฟ หลุมเปียก หลุมแห้ง ที่วางจาน ชาม ให้เป็นระเบียบ
คนที่ 5 ทำหน้าที่เป็นคนหาน้ำสำหรับประกอบอาหาร น้ำดื่ม น้ำซักล้าง ดูแลมิให้ขาดตกบกพร่อง
คนที่ 6 ทำหน้าที่เป็นคนหาเชื้อเพลิง หาฟืน เก็บฟืนให้มิดชิด เวลาฝนตกจะได้ใช้ได้
คนที่ 7 ทำหน้าที่ทั่วไป ช่วยงานคนอื่น ๆ พัฒนาค่ายพัก กำจัดขยะมูลฝอย ทำที่ตากผ้า และรั้วกั้น
ระหว่างค่าย ดูแลบริเวณค่ายพักทั่ว ๆ ไป เสมือนค่ายนั้นเป็นบ้าน ต้องปรับปรุง ตกแต่ง
พัฒนา
การแบ่งหน้าที่นี้ หากมีสมาชิกมากกว่านี้ อาจจัดให้เป็นผู้ช่วยคนครัวอีกได้ แต่หากสมาชิกน้อยกว่านี้หน้าที่คนหาน้ำกับคนหาฟืนอาจเป็นคน ๆ เดียวกันได้ เมื่อจัดแบ่งหน้าที่รับผิดชอบเช่นนี้แล้ว ลูกเสือทุกคนจะไม่มีการว่างงาน แม้ว่างานของผู้ใดเสร็จก่อน นายหมู่ก็จะให้ไปช่วยหน้าที่อื่นที่ยังไม่เสร็จก็ได้
หน้าที่ของหมู่บริการ
ในการจัดกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับลูกเสือจะต้องปฏิบัติ คือแต่งตั้งหมู่บริการประจำวันเพื่อมอบหมายหน้าที่ไว้ให้บริการในด้านต่าง ๆ โดยผู้กำกับจะแต่งตั้งหมู่บริการไว้วันละ 1 หมู่ หรือ 2 หมู่ หรือ ตามความเหมาะสม ส่วนหน้าที่บริการที่หมู่ลูกเสือแต่ละหมู่จะต้องปฏิบัติ คือ
- ชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา เวลา 08.00 น. และชักธงลงจากยอดเสาธง เวลา 18.00 น.
- ทำหน้าที่นำสวดมนต์ประจำวัน
- ทำความสะอาดที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม ห้องเรียน บริเวณรอบเสาธง ฯลฯ
- ทำหน้าที่ช่วยเหลือจัดอุปกรณ์ เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในการฝึกอบรมตามที่ผู้กำกับลูกเสือกำหนด
- จัดสถานที่ชุมนุมรอบกองไฟ จัดโปรแกรมการแสดงจัดทำพุ่มฉลาก และพวงมาลัย
ทำความสะอาดบริเวณชุมนุมรอบกองไฟ
ขั้นตอนการเข้าเรียนเป็นฐาน
การที่จะให้ลูกเสือ-เนตรนารี เข้าเรียนเป็นฐานนั้น ผู้กำกับจะต้องกำหนดว่าจะให้เรียนที่ฐาน เมื่อกำหนดฐานที่จะเรียนได้แล้ว ผู้กำกับลูกเสือ-เนตรนารี จะต้องปฏิบัติดังนี้
- ผู้กำกับ กำหนดฐานเรียนไว้ 4 ฐาน หรือมากกว่า 4 ฐาน
- ผู้กำกับ จัดลูกเสือ-เนตรนารี เข้าเรียนฐาน 1-2 หมู่
- ผู้กำกับ กำหนดให้เรียนฐานละ 3-5 นาที
- ผู้กำกับ เป็นผู้ให้สัญญาณในการเปลี่ยนฐาน โดยให้เหลือเวลาอีก 1 นาที ผู้กำกับจะเป่านกหวีดให้สัญญาณให้เปลี่ยนฐานได้
การรายงานเข้าเรียนเป็นฐาน
- ให้ลูกเสือเข้าแถวหน้ากระดาน ห่างจากผู้สอน 3 ก้าว
- ให้นายหมู่สั่ง “หมู่….ตรง” วันทยาวุธ (สั่งเมื่อมีอาวุธ)
- ให้นายหมู่เอามือลง ก้าวขึ้นมาข้างหน้า 1 ก้าว แล้วรายงานว่า “หมู่…พร้อมที่จะเรียนแล้วครับ”
- ผู้กำกับรับเคารพในขณะที่นายหมู่ลูกเสือก้าวขึ้นมาข้างหน้า 1 ก้าว แล้วทำวันทยาวุธและรายงาน
- ผู้กำกับเอามือลง ในขณะที่นายหมู่รายงานเสร็จแล้ว
- นายหมู่เอามือลง ถอยกลับไปเข้าแถว แล้วทำวันทยาวุธและสั่งลูกหมู่ต่อไปว่า “เรียบ…อาวุธ” ตามระเบียบพัก
- ผู้กำกับเริ่มสอนบทเรียนที่ได้กำหนดไว้ต่อไปจนหมดเวลา
- ลูกเสือได้ยินสัญญาณนกหวีดหมดเวลา ให้เข้าแถวตามเดิม (เหมือนครั้งแรก)
- นายหมู่ลูกเสือสั่ง “หมู่….ตรง” วันทยาวุธ “หมู่….ขอขอบคุณครับ” “เรียบ…อาวุธ” “ขวา-หัน”(รายงานครั้งที่ 2 นายหมู่ไม่ต้องก้าวขึ้นมาข้างหน้า ให้อยู่ในแถวเหมือนเดิม)
- ผู้กำกับ รับความเคารพและสั่งต่อไปว่า “ไปได้”
- ลูกเสือวิ่งเข้าไปเข้าแถว และรายงานเพื่อที่จะเรียนฐานใหม่ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น